Panna Cotta (พานาคอตต้า) ขนมหวานสายเฮลท์ตี้ จากอิตาลี

ย้อนรอยประวัติ “Panna Cotta” (พานาคอตต้า) ขนมหวานยอดนิยมจากอิตาลี
Panna Cotta” (พานาคอตต้า) เป็นขนมหวานเนื้อครีมนุ่มละมุนสัญชาติอิตาเลียน ทำมาจากครีม นม น้ำตาล และเจลาติน โดยทั่วไปจะปรุงรสด้วยวานิลลา เสิร์ฟพร้อมกับซอสผลไม้ คาราเมล หรือช็อกโกแลต
.
ต้นกำเนิดของ Panna Cotta มีประวัติค่อนข้างคลุมเครือ แต่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่ามีต้นกำเนิดมาจากแคว้นพีดมอนต์ (Piedmont ) ทางตอนเหนือของอิตาลี โดยสูตรดั้งเดิมที่ได้รับการบันทึกไว้ระบุว่า Panna Cotta ถูกคิดค้นโดยหญิงสาวชาวฮังการีที่อาศัยอยู่ในอิตาลีช่วงต้นศตวรรษที่ 19
.
Panna Cotta ในยุคแรกทำขึ้นโดยใช้ส่วนผสมง่าย ๆ ที่มีในแคว้นพีดมอนต์ ได้แก่ ครีม นม น้ำตาล และเจลาติน ซึ่งในอดีตจะทำโดยใช้กระดูกปลาต้มเป็นเจลาตินธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อการผลิตเจลาตินเริ่มเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม เจลาตินแบบผงก็ได้รับการพัฒนาขึ้น จนกลายมาเป็นส่วนผสมหลัก ทำให้ Panna Cotta มีเนื้อสัมผัสที่สม่ำเสมอ และสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
.
นอกจากประวัติดังกล่าวแล้ว หลายคนยังเชื่อว่า Panna Cotta มีต้นกำเนิดที่เก่าแก่กว่านั้น เพราะในช่วงยุคกลางของยุโรปบางประเทศมีขนมหวานที่ลักษณะคล้ายกับ Panna Cotta เช่น ในฮังการีมีขนมหวานที่ชื่อว่า Krémes และในฝรั่งเศสมีขนมหวานที่ชื่อว่า Blanc Manger
.
โดยปกติแล้ว Panna Cotta มักจะปรุงรสด้วยวานิลลาเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็มีรสชาติใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น กาแฟ ช็อกโกแลต และผลไม้ เสิร์ฟพร้อมกับซอสผลไม้ คาราเมล หรือช็อกโกแลต เพื่อเพิ่มรสชาติ และสีสัน
.
นอกจากความหลากหลายทางด้านรสชาติแล้ว การนำเสนอ Panna Cotta ก็ได้รับพัฒนาไปด้วยเช่นกัน จากการเสิร์ฟในถ้วยราเมกิ้นแบบดั้งเดิม ไปจนถึงการแกะออกจากพิมพ์วางบนจาน พร้อมตกแต่งด้วยผลไม้สดหลากหลายชนิด
.
ในปี 1960 Ettore Songia (เอตโตเร ซองเกีย) เชฟชื่อดังของร้านอาหาร “i tre citroni” ในอิตาลีได้เพิ่มสูตร Panna Cotta ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันลงในเมนูร้านอาหาร โดย Panna Cotta ของเขาขึ้นชื่อในเรื่องความนุ่มละมุน และครีมมี่ สิ่งนี้ทำให้ Panna Cotta ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วทั่วอิตาลี
.
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 Panna Cotta เริ่มได้รับความนิยมในหลายประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากชาวอิตาลีย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น โดยเฉพาะอเมริกา และพวกเขาก็นำเอาวัฒนธรรมการทำอาหารติดตัวไปด้วย
.
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Panna Cotta กลายเป็นเมนูขนมหวานที่ได้รับความนิยมในระดับนานาชาติ เชฟยุคใหม่เริ่มนำเสนอรสชาติที่หลากหลาย เช่น มัทฉะ ลาเวนเดอร์ อัลมอนด์ กะทิ และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงมีการตกแต่งให้มีความน่าสนใจหลากหลายรูปแบบด้วยค่ะ

วัตถุดิบส่วนที่ 1

  1. ผงวุ้น 2 ช้อนชา
  2. ผงเจลาติน 2 ช้อนชา
  3. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  4. วิปปิ้งครีม 250 กรัม
  5. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  6. นมสดรสจืด 250 กรัม

วัตถุดิบส่วนที่ 2

  1. น้ำตาลทราย 20 กรัม
  2. เกลือ 1 ช้อนชา
  3. ผงวุ้น 1 ช้อนชา
  4. ผงเจลาติน 1 ช้อนชา
  5. น้ำส้มแท้ 100% 300 มิลลิลิตร
  6. น้ำสะอาด ถ้าข้นไปเติมเพิ่มได้
  7. เนื้อส้ม 1 ถ้วย

 

ขั้นตอนวิธีการทำ

  1. ขั้นตอนแรกใส่น้ำส้ม ผงวุ้น และเจลาตินลงไปในหม้อ พักไว้ 5 นาที จากนั้นเปิดเตา
  2. ต้มด้วยไฟอ่อนให้พอเดือดเดือด ระหว่างนี้ให้คนตลอดเวลาเพื่อให้ส่วนผสมละลายเข้ากันดี ปรุงรสด้วยเกลือ และน้ำตาลทราย
  3. ตักส่วนผสมในขั้นตอนที่ 1 ในปริมาณครึ่งภาชนะแล้วนำไปพักไว้ในตู้เย็นให้เนื้อขนมเซทตัว
  4. ใส่น้ำสะอาด ผงวุ้น และผงเจลาตินลงไปในหม้อ พักไว้ 5 นาที ตามด้วยนมสด จากนั้นนำไปต้มด้วยไฟกลาง ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน เมื่อเริ่มเดือด
  5. แล้วให้ใส่น้ำตาลทราย วิปปิ้งครีม และกลิ่นวานิลลา เมื่อเริ่มเดือดอีกครั้งให้ปิดเตาได้เลย
  6. นำส่วนผสมที่เซทตัวแล้วออกมาจากตู้เย็น ใส่ส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 3 ลงไป โดยใช้ตะแกรงรองก่อน เพื่อไม่ให้มีฟองอากาศ นำไปพักในตู้เย็นอีกครั้ง
  7. ขั้นตอนสุดท้ายตกแต่งหน้าขนมด้วยเนื้อส้มให้สวยงาม เป็นอันเสร็จสิ้นรับประทานได้เลย

แนะนำสูตรขนมสำหรับคนลดน้ำหนัก

ใครที่กำลังทาน อาหารคีโต กำลังควบคุมน้ำหนัก หรือเป็นหนึ่งคนที่กำลังประสบปัญหาโรคเบาหวานก็สามารถทาน พานาคอตต้า ได้เช่นเดียวกันค่ะ โดยการนำ สูตรขนม ที่เราได้แนะนำไปปรับใช้ได้ด้วยการงดใช้วัตถุดิบบางชนิด แล้วใส่วัตถุดิบอื่น ๆ ที่สามารถใช้แทนกันได้ ยกตัวอย่าง การใส่สารให้ความหวานแทนน้ำตาล เช่น อิริทริทอล โยเกิร์ต หรือจะใช้ความหวานจากผลไม้แทนก็ได้ความอร่อยที่ไม่แตกต่างกันมาก แถมยังดีต่อสุขภาพ ทานแล้วไม่อ้วนด้วยค่ะ