ความหมายของ ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea)
ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea) เป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความนุ่มนวลน่าสัมผัส อีกทั้งยังมีความหมายแฝงแทนคำขอบคุณ เช่น ขอบคุณที่เข้าใจกันหรือขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกัน
ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea) เป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความนุ่มนวลน่าสัมผัส อีกทั้งยังมีความหมายแฝงแทนคำขอบคุณ เช่น ขอบคุณที่เข้าใจกันหรือขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกัน
คนส่วนใหญ่ชอบสตรอเบอร์รี่ มีกลิ่นหอมและกลิ่นหอมน่ารับประทานรวมถึงสารที่มีคุณค่ามากมาย Berry เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ เนื้อหาแคลอรี่ของสตรอเบอร์รี่แช่แข็งช่วยให้คุณใช้งานได้บ่อยมาก บนพื้นฐานของผลเบอร์รี่มีอาหาร
ผลเบอร์รี่สดมีประโยชน์ แต่หลังจากแช่แข็งหลายสารยังคงอยู่ ความเกี่ยวข้องของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีอะไรบ้าง? มีสาเหตุหลายประการดังนี้
ถ้าไม่มีอาการแพ้ก็สามารถเพิ่มผลิตภัณฑ์ได้อาหารที่แตกต่างกัน จะสามารถใช้ได้ในทุกฤดู ในผลไม้แช่แข็งแคดเมียมน้อยตะกั่วและสารกำจัดศัตรูพืช หลังจากแช่แข็งการพัฒนาของแบคทีเรียจะถูกแยกออก แม้ว่าส่วนประกอบที่มีค่าจะน้อยกว่าเมื่อแช่แข็ง แต่รสชาติและกลิ่นหอมจะได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์
สตรอเบอร์รี่แช่แข็งทำหน้าที่เป็นสารปรุงแต่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับไอศกรีมชีสกระท่อมธัญพืชเครื่องดื่มค็อกเทลเครื่องปรุงต่างๆ มันใช้สำหรับการทำ mousses, ซอสเจลลี่ซึ่งทำหน้าที่เป็นตกแต่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับตารางใด ๆ
สตรอเบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินและธาตุ แนะนำให้ใช้ในรูปแบบสดตั้งแต่นั้นจะมีการจัดเก็บวิตามินมากขึ้น ปริมาณแคลอรี่ของสตรอเบอร์รี่แช่แข็งต่ำกว่าของสด Berry อุดมไปด้วยวิตามินซีและมีปริมาณของกรดแอสคอร์บิกมากขึ้นกว่าลูกเกดดำ
สตรอเบอร์รี่นั้นรวมไปถึงโพแทสเซียมแมกนีเซียมแคลเซียมนั่นเองจำเป็นสำหรับการหายใจของเซลล์ที่ดีกว่าปกติของระบบประสาท สตรอเบอร์รี่แช่แข็งแคลอรี่ต่ำช่วยให้คุณใช้ในปริมาณที่แตกต่างกัน Berry ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจำเป็นสำหรับการแยกอนุมูลอิสระ
Berry ถือเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ขอบคุณที่ใช้มันทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรงขึ้นกิจกรรมของกล้ามเนื้อหัวใจจะดีขึ้น มันมีผลในเชิงบวกต่อหน่วยความจำ สตรอเบอร์รี่แช่แข็งแคลอรี่ต่ำอนุญาตให้คุณใช้ได้ทุกโอกาส มันทำหน้าที่เป็นมาตรการป้องกันโรคหวัดคืนภูมิต้านทาน
แบล็กเบอร์รีสามารถบริโภคน้ำตาลได้โรคเบาหวานตามปกติน้ำตาลในเลือด ผลไม้อุดมไปด้วยไอโอดีนซึ่งจำเป็นสำหรับกิจกรรมปกติของต่อมไทรอยด์ การบริโภคผลไม้เป็นประจำจะช่วยให้คุณขจัดก้อนหินและทรายออกจากถุงน้ำดี ผลิตภัณฑ์ความต้องการในเครื่องสำอางค์
ผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันคือสตรอเบอร์รี่ซึ่งมีเหล็กแมงกานีสทองแดงสังกะสี มันอุดมไปด้วยโพแทสเซียมส่วนประกอบเพคตินกรดอินทรีย์ สตรอเบอร์รี่มีวิตามินบี 1, บี 2, พีพี, อีมันเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการรักษาหลอดเลือดความดันโลหิตสูงโรคนอนไม่หลับ แคลอรี่สตรอเบอร์รี่ – ประมาณ 34 กิโลแคลอรี่
ผลไม้ใช้สำหรับอาหารและวันถือศีลอด สตรอเบอร์รี่แช่แข็งมีกี่แคลอรี่? มันประมาณ 25-28 กิโลแคลอรี ตัวบ่งชี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของพืชชนิดของการใช้งาน สตรอเบอร์รี่แช่แข็งแคลอรี่ต่อ 100 กรัมมีน้อยกว่าสด
แคลอรี่สตรอเบอร์รี่แช่แข็งด้วยน้ำตาลคือ 95 กิโลแคลอรี เมื่อสดมันมี 32-35 kcal, แยม – 286, ผลไม้แห้ง – 286, กับครีม – 360 บ่อยครั้งที่ kefir จะถูกเพิ่มเข้าไปในผลไม้ ด้วยสตรอเบอร์รี่แช่แข็งจะอยู่ที่ประมาณ 70 kcal แม้ว่าตัวบ่งชี้จะน้อยกว่าในผลไม้แช่แข็ง แต่ก็ยังดีกว่าที่จะเลือกรุ่นใหม่เนื่องจากมีวิตามินและสารที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ
ค่าพลังงานต่ำมีสตรอเบอร์รี่แช่แข็ง แคลอรี่ต่อ 100 กรัมช่วยให้คุณใช้ในปริมาณมาก แต่แน่นอนคุณต้องปฏิบัติตามมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดอาการแพ้ เนื่องจากหลังจากแช่แข็งแล้วผลไม้จะมีรสเปรี้ยวดังนั้นจึงบริโภคกับน้ำตาลซึ่งจะเพิ่มปริมาณแคลอรี่
แยมสตรอเบอร์รี่ควรบริโภคในขนาดเล็กจำนวนของผู้ที่ติดตามตัวเลข จากผลไม้เตรียมเครื่องดื่มผลไม้น้ำผลไม้และผลไม้แช่อิ่ม พวกเขาจะเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูหนาว ท็อปปิ้งที่ยอดเยี่ยมสำหรับพายและของหวาน
สตรอเบอร์รี่เป็นอันตรายหรือไม่? ปัญหานี้มีการกล่าวถึงอย่างแข็งขันในฟอรัม เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติผลไม้มีข้อเสีย อันตรายเป็นไปได้เนื่องจากการแพ้ของแต่ละบุคคล อาจมีความรู้สึกไม่สบายไหม้
สตรอเบอร์รี่ไม่ควรบริโภคในปริมาณมากปริมาณในการปรากฏตัวของโรคกระเพาะอาหาร มันไม่พึงปรารถนาที่จะกินมันในขณะที่ใช้ยาแรงดันสูง ในการปลูกผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพคุณต้องปลูกมันให้ห่างจากถนน เบอร์รี่ดูดซับสารและโลหะ
หากไม่มีสวนคุณควรรู้วิธีเลือกสตรอเบอร์รี่ที่เหมาะสม มันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงกลิ่นหอมลักษณะรสชาติ ไม่ควรผุผลเบอร์รี่ ขอแนะนำให้เลือกพวกมันด้วยหางและใบไม้สีเขียวเนื่องจากมันบ่งบอกถึงความสดชื่น
ในตู้เย็นเก็บผลเบอร์รี่ไม่เกิน 2 วัน หากพวกมันมีก้อยอายุการเก็บรักษาจะยืดออกไปเล็กน้อย สตรอเบอร์รี่แช่แข็งเก็บไว้เป็นเวลาหลายเดือน
ผลเบอร์รี่สามารถแช่แข็งได้แม้ว่าวิตามินบางตัวจะเข้ามาพวกเขาหายไป แต่ในเวลาใด ๆ จะมีขนมทำ วิตามิน B และ C จะถูกเก็บไว้ในสตรอเบอร์รี่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะดีกว่าแยม ผลเบอร์รี่แช่แข็งจะถูกเพิ่มลงในโจ๊กขนมอบ ผลไม้แช่อิ่มและของหวานทำจากพวกเขา
ก่อนที่จะจัดเรียงและล้างสตรอเบอร์รี่แช่แข็ง หางสามารถลบออกได้หรือทิ้งไว้ มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะแห้งบนผ้ากระดาษ จากนั้นพวกเขาควรจะกระจายออกไปในจานหรือเขียงปกคลุมด้วยฟิล์มยึดเพื่อป้องกันไม่ให้ผลไม้ติด จากนั้นพวกเขาสามารถส่งไปยังช่องแช่แข็ง
หลังจากแช่แข็งเพียงเล็กน้อยพวกเขาก็จะเปลี่ยนเป็นแพคเกจ แต่คุณสามารถใช้ถาดสำหรับสิ่งนี้ สตรอเบอร์รี่ขูดแช่แข็งพร้อมน้ำตาล สำหรับสิ่งนี้คุณต้องใช้สตรอเบอร์รี่และน้ำตาลในปริมาณ 1: 1 ผลไม้ถูกล้างแห้งผสมกับน้ำตาลบดโดยเครื่องปั่น ส่วนผสมสามารถวางในขวดหรือถาด
เพื่อลดน้ำหนักของผลไม้ที่ใช้เป็นเวลานาน มีอาหารหลายอย่างตามพวกเขา ตัวอย่างเช่นพวกเขาจะบริโภคกับชีสกระท่อมและโยเกิร์ตในช่วงสัปดาห์ ทุกวันคุณต้องกินอาหารเหล่านี้ ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมเพราะมันจะกำจัดน้ำหนักส่วนเกิน
อาหาร 4 วันอย่างมีประสิทธิภาพ ในวันแรกคุณต้องกินผลเบอร์รี่ 1.5 กก. และดื่มน้ำ 2.5 ลิตร ในวันที่สองมีสิ่งเดียวกันเกิดขึ้น ในวันที่สามเพิ่ม 1 ลิตรของ kefir และปริมาณของผลเบอร์รี่จะลดลงถึง 700 กรัมวันที่สี่จะประกอบด้วยผลเบอร์รี่ 1 กิโลกรัม, 150 กรัมของชีสกระท่อมและ kefir 2 ถ้วย
ด้วยความช่วยเหลือของอาหารล้างร่างกายกระบวนการเผาผลาญจะได้รับการฟื้นฟูลักษณะที่ปรากฏและสุขภาพดีขึ้น แต่เพื่อลดน้ำหนักคุณไม่สามารถนั่งทานอาหารได้ มันเพียงพอที่จะใช้ผลไม้เล็ก ๆ เป็นของหวานขนมขบเคี้ยวหรือแทนที่อาหารค่ำด้วย ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดเจน และผลิตภัณฑ์สดที่มีประโยชน์มากที่สุด สามารถซื้อผลไม้แช่แข็งได้ที่ร้านหรือเตรียมตัวเอง
ขอขอบคุณแหล่งที่มา https://th.ellas-cookies.com
รู้กันหรือเปล่าว่าเค้ก 1 ปอนด์ หรือ 2 ปอนด์ มีขนาดต่างกันเท่าไหร่ และมีวิธีวัดอย่างไร?
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเค้กปอนด์กันก่อน
เค้กปอนด์คือเค้กที่มีส่วนผสมของแป้ง เนย และน้ำตาลในปริมาณเท่ากันคือ 1:1:1 โดยสมัยก่อนจะใช้ปริมาณอย่างละ 1 ปอนด์เท่ากัน จึงเป็นที่มาของคำว่าเค้กปอนด์ แต่ในปัจจุบันมีการปรับลดปริมาณสัดส่วนให้น้อยลง
ในไทยนิยมการวัดขนาดของเค้กเป็นหน่วยปอนด์ ซึ่งใช้การวัดจากเส้นผ่านศูนย์กลางของพิมพ์อบขนมเค้กเป็นหน่วยนิ้ว ดูขนาดของเค้กแต่ละปอนด์ได้ตามรูปด้านล่างเลย
แต่หากต้องการวัดเป็น เซ็นติเมตรตามนี้ค่ะ
Cr. Lecordonbleu Dusit Culinary School
อ่านให้ละเอียดนะคะ ท่านจะเข้าใจเทคนิคต่างๆในโพสนี้
เทคนิคต่างๆ. ที่เราหามา ได้มาจากเว็บต่างๆ เพื่อ เราจึงนำมาบอกต่อทุกท่าน. เพื่อให้เข้าใจ และทราบถึงเทคนิคต่างๆ ค่ะ.
เค้ก เป็นอาหารชนิดหนึ่งที่มักจะมีลักษณะหวานและผ่านกระบวนการอบ ซึ่งจะทำมาจากแป้ง, น้ำตาล และส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ไข่, แป้งสาลี, ผัก, ผลไม้ที่ให้รสหวานหรือเปรี้ยว เป็นต้น หรือส่วนประกอบที่มีไขมัน เช่น เนย, ชีส, ยีสต์, นม, เนยเทียม กะเพรา เป็นต้น และนิยมรับประทานเป็นของหวาน และฉลองในเทศกาลต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเกิดและวันแต่งงาน ซึ่งในโลกมีตำรับหรือสูตรการทำเค้กเป็นจำนวนมาก อีกทั้งตำรับการทำเค้กบางสูตรก็มีการสืบทอดการทำเป็นเวลาหลายศตวรรษ และเค้กนั้นยังเป็นอาหารหวานที่นิยมไปทั่วโลกอีกด้วย ปัจจุบันมีผู้สนใจที่อยากจะเรียนทำเค้กเพื่อจุดประสงค์ต่างๆ มากมาย นะจ๊ะหนู อย่างเช่น เรียนเพื่อที่จะนำมาประกอบอาชีพเปิดร้านเค้ก เป็นต้น
ไขมันมีหน้าที่จับอากาศไว้ในขณะที่ผสมเค้ก อากาศที่ไขมันเก็บไว้ในระหว่างการตี มีหน้าที่เป็นตัวทำให้ เค้กอ่อนนุ่มมากกว่าตัวไขมันจริง ๆ ไขมันทุกชนิดถือว่ามีหน้าที่ทำให้ขนมมีความนุ่ม ไขมันในการทำเค้กโดยทั่ว ๆ ไป มีเนยสด เป็นไขมันที่ให้กลิ่นรสดีที่สุดในจำนวนไขมันทุกชนิดที่ใช้ในการทำขนมอบ แต่มีค่าของการ เป็นชอตเทนนิ่งต่ำ คือ เวลาผสมจะมีน้ำหนัก เนื้อไม่เนียนเป็นครีม และมักไม่เข้ากันดี เค้กที่ทำด้วยเนยสดล้วน จึงมักจะมีปริมาตรไม่ดี และมีเนื้อเค้กหยาบกว่าเค้กที่ทำด้วยเนยขาวที่มีคุณภาพสูง ซึ่งมีคุณสมบัติในการเป็นครีมที่ดี แต่จะไม่มีกลิ่นรสที่ดีเหมือนเนยสด ดังนั้นในการทำเค้กจึงนิยมใช้เนยสดหรือมาการีนหรือเนยขาวอย่างละครึ่ง โดยเนยสดมีหน้าที่ให้กลิ่นรส และเนยขาวมีส่วนช่วยในด้านการผสมและด้านปริมาณของเค้กนอกจากนั้นมาการีน เนยขาว น้ำมัน ก็เป็นไขมันที่สำคัญในการให้ความชุ่มชื้นในเนื้อเค้ก
เกลือเป็นตัวทำให้เกิดรสชาติในขนมเค้ก คือ ให้ความเค็ม และยังเป็นตัวช่วยเน้นรสชาติของส่วนอื่น ๆ ให้ดีขึ้น และยังมีส่วนช่วยทำให้เค้กแข็งตัว เพราะเกลือมีผลต่อกลูเต้นของแป้งสาลีจึงเป็นตัวให้โครงสร้างแก่เค้ก
ไข่ไก่มีหน้าที่ช่วยให้เกิดโครงสร้าง กลิ่น รส สี ความชื้น และคุณค่าอาหารแก่ขนมเค้ก โครงสร้างที่เกิด
ขึ้นจากการรวมตัวของโปรตีนในไข่ในระหว่างการอบ และไข่จะเป็นตัวช่วยเก็บอากาศในระหว่างตี ทำให้ขนมขึ้นฟูในเค้ก เช่น สปองจ์เค้ก
นมที่นิยมใช้ในการทำเค้กมี นมสด นมข้นจืดระเหย นมผง นมผงช่วยให้เกิดโครงสร้าง และความมันแก่เค้ก และยังทำให้เค้กเกิดความแข็งและแห้งในขณะเดียวกัน เนื่องจากนมผงมีการเชื่อมกับโปรตีนในแป้ง ทำให้เกิดการแข็งตัว นอกจากนี้นมผงยังเป็นตัวให้สีที่ผิวเค้ก เนื่องจากในนมผงมีน้ำตาลแลคโตสอยู่และยังช่วยให้เกิด กลิ่นรส และเป็นตัวเก็บความชื้นได้ดีด้วย
จะเป็นตัวทำให้เกิดความนุ่มในเค้ก ชนิดของสิ่งที่ทำให้ขึ้นฟูที่ใช้ในสูตรเค้กขึ้นอยู่กับประเภทของเค้กที่ ต้องการทำ ซึ่งการขึ้นฟูโดยทั่วไปเกิดจากเหตุ 3 ประการ คือ
ของเหลวที่ใช้ในสูตรเค้กอาจจะเป็นในรูป น้ำนม น้ำ ไข่ หรืออาจจะอยู่ในส่วนผสมอื่น ๆ ที่มีความชื้นอยู่
ความชื้นทำหน้าที่หลายอย่างในเค้ก เช่น ละลายน้ำตาล ทำให้เกิดกลูเต้น ทำให้ผงฟูเกิดปฏิกริยาที่ควรเป็น ช่วย
ควบคุมความหนืดและอุณหภูมิของส่วนผสม นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความอ่อนนุ่มให้แก่เค้ก
เค้กเนย เค้กไข่ ชิฟฟ่อนเค้ก เนื่องจากเค้กมีด้วยกันถึง 3 ชนิด ขั้นตอนการทำของเค้กแต่ละชนิดจึงมีความแตกต่างกันออกไป คือ
เค้กเนย หรือเค้กที่มีไขมันเป็นส่วนผสมหลัก มีวิธีผสมโดยทั่ว ๆ ไปดังนี้
วิธีครีมเนย (Creaming Method)
เป็นวิธีผสมโดยตีไขมันกับน้ำตาลด้วยความเร็วปานกลางของเครื่อง ตีจนกระทั่งเนยขึ้นฟู การที่เนย
ขึ้นฟูเนื่องจากเซลอากาศที่เกิดจะถูกดูดซึมเข้าไว้ โดยทำเนยให้ฟูและเบา จากนั้นค่อย ๆ เติมไข่ลงทีละฟอง ตีให้
เข้ากันด้วยความเร็วปานกลาง ใส่แป้งสลับกับของเหลวโดยเริ่มต้นด้วยแป้งและสิ้นสุดด้วยแป้งสลับกันไป การที่
เติมแป้งสลับกับนมเช่นนี้เพื่อที่จะให้แป้งค่อย ๆ ดูดซึมน้ำบางส่วน และป้องกันการจับตัวเป็นก้อน ผสมจนส่วนผสมเนียนเรียบ
วิธีคนผสม (Blending Method)
ใช้สำหรับเค้กที่มีส่วนผสมของน้ำตาลและน้ำในเปอร์เซนต์ที่สูงกว่าแป้ง เรียกว่า ไฮ – เรโชเค้ก (High
Ratio Cake) เค้กที่ทำโดยวิธีนี้จะมีปริมาตรต่ำแต่มีความชุ่ม นุ่ม มีเนื้อเค้กที่ละเอียด และเนื้อสัมผัสดี มีคุณภาพในการเก็บดี
วิธีทำมีดังนี้ ผสมแป้งกับไขมันให้เข้ากัน จนเม็ดแป้งถูกห่อหุ้มด้วยไขมันรวมตัวกันเป็นเม็ด เติม
ส่วนผสมแห้งอื่น ๆ ลงไป เติมของเหลวลงไปประมาณ 25 % ของของเหลวที่ใช้รวมทั้งไข่ด้วย
ผสมส่วนผสมทั้งหมด แล้วผสมต่อไปจนแป้งที่ผสมเรียบเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
วิธีชูก้า – วอเตอร์ (Sugar Water Method)
คือการผสมน้ำตาลลงในน้ำให้ละลายตั้งพักไว้ ตีเนยกับส่วนผสมของแห้งที่ร่อนแล้ว เช่น แป้ง ผงฟู เกลือ
นมผงลงไป ตีด้วยความเร็วต่ำ พอเนยกับแป้งรวมกันเป็นเม็ดค่อย ๆ เติมสารละลายของน้ำตาล ตีให้เข้ากันด้วย
ความเร็วปานกลางจนกระทั่งขึ้นฟู แล้วเติมไข่ลงผสมต่อไปจนแป้งที่ผสมเรียบเนียน
วิธีผสมขั้นตอนเดียว (Single – Stage Method)
เป็นการผสมส่วนผสมทั้งหมดที่ใช้ในสูตรเข้าด้วยกัน ยกเว้นไข่ แล้วตีด้วยที่ตีรูปตะกร้อสำหรับตีไข่ด้วย
ความเร็วสูงประมาณ 5 นาที แล้วจึงเติมไข่ลงไป ตีต่ออีก 5 นาที ด้วยความเร็วต่ำ ส่วนมากใช้กับเค้กสำเร็จรูป
วิธีแยกไข่ขาว – ไข่แดง
เป็นอีกวิธีหนึ่งที่นิยมในการทำเค้กเนย เพราะจะได้เค้กที่มีปริมาตรดี มีวิธีการทำคือ ตีเนยกับน้ำตาลจน
กระทั่งขึ้นฟู ประมาณ 10 – 15 นาที ด้วยความเร็วปานกลาง เติมไข่แดงทีละฟองตีผสมจนเข้ากัน ใส่ส่วนผสม
ของของแห้งที่ร่อนแล้วสลับกับของเหลว ตีด้วยความเร็วต่ำ เติมกลิ่นผสมให้เข้ากัน
นำไข่ขาวตีกับครีมออฟทาร์ทาร์ตีจนกระทั่งตั้งยอดอ่อน ค่อย ๆ เติมน้ำตาลลงไปจนหมด ตีจนกระทั่งตั้ง
ยอดแข็ง นำมาผสมในส่วนผสมที่พักไว้ คนผสมเบา ๆ ให้เข้ากัน
ทั้งวิธีที่ 1 และวิธีที่ 2 เป็นวิธีผสมที่ใช้กันมากในการทำเค้กเนย คือถ้าต้องการให้เค้กมีปริมาตรดี ก็ใช้วิธี
ที่ 1 ถ้าต้องการให้เค้กมีเนื้อนุ่มก็ใช้วิธีที่ 2 จะได้ผลดีกว่า
เค้กไข่หรือเค้กที่มีไข่เป็นส่วนผสมหลัก
เค้กประเภทนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิด วิธีผสม คือ
การอบเค้ก เป็นสิ่งสำคัญในการทำเค้ก เพราะการใช้อุณหภูมิในการอบเค้กชนิดต่าง ๆ นั้นย่อมแตกต่าง
กันออกไป แต่ที่แน่นอนของการอบเค้กทุกชนิด ผู้ทำเค้กจะต้องเปิดอุณหภูมิของเตาอบให้ได้ตามวัตถุประสงค์
ในการอบเค้กชนิดนั้น ๆ ก่อนเริ่มลงมือทำ การอบเค้กชนิดต่าง ๆ คือ
เค้กเนย เค้กเนยที่ผสมแล้วควรเทใส่ในพิมพ์ที่ทาด้วยไขมัน แล้วเคาะแป้งนวลเพื่อไม่ให้เค้กติดก้นพิมพ์ หรือจะ
ใช้กระดาษไขรองก้นพิมพ์แล้วทาไขมันก็ได้ ควรใส่เนื้อเค้กประมาณ 1/2 หรือ 2/3 ส่วนของพิมพ์ เสร็จแล้ว
รีบนำเข้าเตาอบที่ตั้งอุณหภูมิไว้ คือ 180 ํ ซ. ถ้าผสมเค้กเสร็จแล้ววางพักไว้นาน จะเกิดปฏิกิริยาของผงฟูกับ
ของเหลวในส่วนผสมผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ ซึ่งเป็นการทำให้ขนมเค้กขึ้นฟูจะสูญเสียออกไปมากระหว่าง
การรอเข้าเตาอบ เค้กที่อบออกมาจะมีลักษณะที่ไม่ดี การอบเค้กเนยที่เป็นปอนด์อันใหญ่ จะใช้เวลาในการอบนานถึง 40 – 50 นาที แต่ถ้าอบเค้กถ้วยเล็ก ๆ จะใช้เวลาเร็วขึ้นประมาณ 15 – 20 นาที
การตรวจสอบว่าเค้กเนยสุกดีแล้วหรือไม่ สามารถทำได้โดยใช้ไม้แหลมเล็ก ๆ จิ้มลงในเนื้อเค้กเมื่อดึงออก มาจะไม่มีเนื้อเค้กติดออกมา แสดงว่าเค้กอบสุกดีแล้ว หรือรอบ ๆ ข้างเค้กร่อนจากพิมพ์ จึงนำออกจากเตาตั้งพัก ไว้ประมาณ 5 นาที จึงเอาออกจากพิมพ์แล้วพักให้เย็น ก่อนนำไปแต่งหน้า
สปันจ์เค้ก
เค้กชนิดนี้เมื่อผสมแล้วเทใส่พิมพ์นำเข้าอบทันที ถ้าทิ้งไว้นานฟองอากาศที่เกิดขึ้นจากการผสมจะสูญเสียไปในระหว่างการรอคอย เพราะการทิ้งไว้นอกเตาอบนาน เซลอากาศลดลงได้ ทำให้ปริมาตรของเค้กสูญเสียและเนื้อเค้กไม่ดี
พิมพ์ที่ใช้กับเค้กชนิดนี้ จะทาไขมันและรองด้วยกระดาษไขตามขนาดของพิมพ์ที่ใช้ การอบเค้กชนิดนี้
ผู้ทำเค้กควรเปิดอุณหภูมิเตาอบให้ได้ตามต้องการที่จะใช้ เพราะเมื่อเค้กผสมเค้กเสร็จก็สามารถนำเข้าอบได้ทันที
และควรเทส่วนผสมประมาณ 2/3 หรือ 3/4 ของพิมพ์ เพราะเมื่อเค้กฟูจะขึ้นเต็มพิมพ์ อุณหภูมิที่ใช้ควรอยู่ใน
ช่วง 340 – 400 องศาฟาเรนไฮท์
การตรวจสอบว่าสปันจ์เค้กอบสุกดีแล้วตรวจได้โดยการใช้นิ้วแตะลงบนหน้าเค้ก จะมีความรู้สึกแน่นและ
เป็นสปริง คือรอยนิ้วมือจะถูกดันกลับขึ้นมา แสดงว่าเค้กสุกแล้ว เมื่อนำเค้กออกจากเตาอบต้องเทคว่ำพิมพ์ทันที
เพื่อให้ผิวนอกของเค้กสม่ำเสมอ และเอาออกจากพิมพ์ได้ง่าย
พิมพ์ที่ใช้กับเค้กแองเจิ้ลฟูดเค้ก สำหรับเค้กชนิดนี้นิยมใช้พิมพ์ที่มีปล่องตรงกลาง ไม่ต้องทาไขมันที่พิมพ์
แต่ต้องล้างให้สะอาด การอบเค้กชนิดนี้จะใช้อุณหภูมิต่ำกว่าสปันจ์ เนื่องจากแองเจิ้ลฟูดเค้กมีปริมาณน้ำตาล
อยู่สูง อุณหภูมิที่อบประมาณ 325 – 350 องศาฟาเรนไฮท์ และก็ขึ้นอยู่กับขนาดของเค้กด้วย ใช้วิธีการตรวจว่า
เค้กสุกแล้วหรือยัง ใช้วิธีเดียวกับสปันจ์เค้กหลังจากนำออกจากเตาอบ จะต้องคว่ำพิมพ์ทันทีแล้วพักไว้ให้เย็นจึงนำออกจากพิมพ์
ส่วนผสมของเค้กชนิดนี้สามารถนำไปทำเค้กได้หลายชนิด เช่น แยมโรล เค้กม้วน เค้กปอนด์ ซึ่งขึ้นอยู่กับ ความหนาและขนาดของเค้กรวมไปถึงการอบด้วย ขนาดและความหนาของเค้กจะต้องเป็นสัดส่วนกับอุณหภูมิที่ใช้อบ ชิฟฟ่อนเค้กเมื่อนำไปอบจะขึ้นฟูอย่างรวดเร็วและมีปริมาตรสูง เนื่องจากการขยายตัวของเซลอากาศที่เกิดขึ้นจากการตีไข่ขาว และจากปฏิกิริยาของผงฟูที่ใส่ในส่วนผสม จะต้องอบเค้กให้สุกอย่างทั่วถึงเพื่อให้แน่ใจว่าโปรตีนในไข่และกลูเต้นที่มีอยู่ในแป้งแข็งตัว จนกลายเป็นโครงร่างของเค้กต่อไป ชิฟฟ่อนเค้กจะมีลักษณะ แน่นตัวและเป็นสปริงเมื่ออบสุกดี ดูว่าเค้กสุกหรือไม่โดยใช้ไม้จิ้ม ถ้าเค้กติดไม้แสดงว่ายังไม่สุก เมื่ออบสุกนำออกจากเตา คว่ำเค้ก ๆ จะหดตัวและหลุดออกจากพิมพ์
ชีสเค้กญี่ปุ่นที่หลายคนมักจะซื้อมาเป็นของฝาก เพราะถือเป็นขนมเค้กขึ้นชื่อของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว เอกลักษณ์อยู่ที่เนื้อชีสเค้กนุ่มฟูจนแทบจะละลายหายไปในปาก หอมละมุน สูตรขนมเค้กแบบนี้ เราก็ทำเองได้นะ รู้ยัง ?
สาวกชีสเค้กบอกเลยว่า ถ้าพลาดสูตรชีสเค้กสไตล์ญี่ปุ่น (Japanese Souffle Cheesecake) หรือชีสเค้กซูเฟล่เนื้อฟูนุ่มสไตล์ญี่ปุ่น หน้าตาดีสูตรนี้แล้วจะเสียใจ เพราะทั้งนุ่ม ทั้งอร่อย ทีเด็ดอยู่ที่ละลายหายไปในปาก เรื่องรสชาติคงไม่ต้องพูดถึง มาถึงขนาดนี้แล้วไม่ลองก็คงไม่รู้ !
Japanese Souffle Cheesecake ชีสเค้กนุ๊มนุ่ม ละลายในปาก โดย คุณ AdrenalineRush สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
เคยทำ Japanese Souffle Cheesecake สูตรแม่สลิ่ม เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นยังติดใจในความนุ่ม หอม อร่อย แล้วก็ร้างราจากขนมชนิดไป อยู่ดี ๆ ก็อยากจะทำขึ้นมาอีกเพราะเห็นเพื่อนรุ่นน้องไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วโพสต์รูปลงเฟซบุ๊กแต่ก็อยากลองสูตรใหม่ด้วย ลองเสิร์ชหาสูตรในกูเกิ้ลปรากฏว่า มีหลายสูตรมาก ๆ เลือก ๆ มาได้หนึ่งสูตรเพราะมียูทูปบอกวิธีทำเสร็จสรรพดูช่างง่ายดาย สูตรต่างจากที่เคยทำ วิธีก็ต่างกันนิดหน่อย เลยจัดการลองดู ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจค่ะ แต่อ่อนหวานไปนิดหนึ่ง เลยขอดัดแปลงสูตรเขาได้รสชาติแบบที่ตัวเองชอบ นุ่ม หอม หวาน ออกเปรี้ยวนิด ๆ มีกลิ่นครีมชีสหน่อย ๆ ละลายในปากเลยค่า เหมาะสำหรับคนที่ชอบเค้กเนื้อแน่น แต่ไม่หนัก ทานกับผลไม้ก็อร่อยสดชื่นจริงๆ
Japanese Souffle Cheesecake ชีสเค้กนุ๊มนุ่ม ละลายในปาก
ส่วนผสม ชีสเค้กญี่ปุ่น (สูตรสำหรับเค้ก 2 ปอนด์ ปรับสูตรนิดหน่อย)
วิธีทำ ชีสเค้กญี่ปุ่น
เค้กเป็นตัวแทนแห่งความรักและความสุข อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน งานวันเกิด หรือแม้งานที่มีการเฉลิมฉลอง เค้กจึงเป็นสิ่งที่มีความหมายและขาดไม่ได้สำหรับงานสำคัญๆ ในชีวิต
แล้วมีใครทราบหรือไม่ว่า ความหมายของดอกกุหลาบบนเค้ก หมายถึงอะไร ??
วันนี้ 119mori มีคำตอบให้ค่ะ การให้ดอกกุหลาบ ดอกกุหลาบ บ่งบอกถึงความโรแมนติกที่แสดงถึงความรักที่ผู้ให้มีต่อผู้รับ สื่อถึงความรักความจริงใจที่มี เหมาะสมกับโอกาสที่ ต้องการแสดงออกและสื่อถึงความรู้สึกทั้งหมดนั่นเองจ้า
อ้างอิงจากเชฟชาวญี่ปุ่นในโรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยา
(ที่ีเป็นผู้ทำเค้กในงาน wedding)