เนยแท้และเนยเทียม(Magarine)ต่างกันอย่างไร แล้วใช้อันไหนดี??

เนย เป็นผลิตภัณฑ์จากนมชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลก ทั้งยังเป็นอีกส่วนประกอบสำคัญในการปรุงรสอาหาร หลายคนเข้าใจว่า เนยเป็นอาหารที่ให้ไขมันสูง ทำให้อ้วนง่าย ผู้ที่ลดน้ำหนักควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเนย
ความจริงแล้ว เนยมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ หากรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะและเข้าใจเรื่องของเนยมาก

 

เนยคืออะไร?

เนย (Butter) คือ ผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากนม ผ่านกรรมวิธีปั่นเพื่อแยกไขมันนมมาทำเป็นเนยก้อน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะนมวัวเท่านั้นที่นำมาทำเนยได้ ยังรวมถึงนมแกะ แพะ หรือควายก็ได้เช่นกัน

ผู้คนนิยมนำเนยมาใช้ปรุงอาหารหลายแบบ ตั้งแต่การทาลงบนขนมปังปิ้งกับแยม หรือนำมาปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนสูงอย่างการผัด หรือทอด นอกจากนี้เนยยังช่วยลดความเหนียวหนืดของอาหาร ให้สามารถรับประทานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

อีกประเภทของอาหารที่มีการใช้เนยเป็นส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ อาหารประเภทเบเกอรี เพราะทำให้สีและเนื้อขนมปังดูน่ารับประทาน

เนย 1 ช้อนโต๊ะ หรือประมาณ 14 กรัม ให้พลังงานทั้งหมด 102 แคลอรี ไขมัน 11.5 กรัม และวิตามินที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินอี

ประเภทของเนย

เนยที่ขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปแบ่งออกได้หลายชนิด สามารถจำแนกได้หลักๆ เป็น 3 ประเภท ดังนี้

1. เนยแท้ (Pure Butter)

เป็นเนยที่มีกรรมวิธีมาจากที่กล่าวไปข้างต้นในส่วนความหมายของเนยคือ เป็นเนยที่ทำจากนม เก็บรักษาได้ดีในอุณหภูมิประมาณ 4 องศาเซลเซียส มีจำหน่ายอยู่หลายขนาด

ส่วนประกอบของเนยแท้ ได้แก่

  • ไขมันจากนม 80%
  • น้ำประมาณ 16%
  • เกลือประมาณ 1.5-2.0%
  • ของแข็งที่อยู่ในนม เช่น โปรตีน เกลือแร่ วิตามินอีก 2%

เนยแท้ที่มีคุณภาพจะต้องมีไขมันจากนม 85% ขึ้นไป

เนยแท้แบ่งออกได้ 2 ชนิดหลักๆ ได้แก่

  1. เนยเค็ม (Salted butter) เป็นเนยที่มีการใส่เกลือลงไปเป็นส่วนผสมในปริมาณไม่เกิน 1.5-2% เพื่อเพิ่มรสชาติไม่ให้จืด เลี่ยน และเก็บรักษาได้นานขึ้น นิยมนำมาใช้ทำเค้กเนยสด คุกกี้ บิสกิต
  2. เนยจืด (Unsalted butter) เป็นเนยที่ไม่มีการเติมส่วนผสมใดๆ ลงไป หรืออาจมีเกลือผสมเพียงครึ่งเดียวของเนยเค็มเท่านั้น เนยชนิดนี้ที่มักถูกนำไปใช้ทำเบเกอรีมากกว่าเนยเค็ม เพราะให้รสชาติหวาน มีกลิ่นหอม

2. เนยเทียม (Magarine)

หลายคนอาจคุ้นชื่อเนยเทียมในชื่อ “มาการีน” มากกว่า โดยเนยประเภทนี้ไม่ได้ผลิตขึ้นจากไขมันในนมสัตว์ แต่ผลิตมาจากไขมันพืช เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง

ไขมันพืชดังกล่าวจะถูกนำไปผ่านกระบวนการไฮโดรจีเนชัน (Hydrogenation) ซึ่งเป็นการเติมก๊าซไฮโดรเจนเข้าไป ทำให้ไขมันพืชมีกรดไขมันชนิดอิ่มตัวสูงขึ้นจนแปรสภาพกลายเป็นของแข็งกึ่งเหลว ซึ่งก็คือ ก้อนเนยเทียม

จากนั้นจะมีการนำไปแต่งกลิ่นและเจือสีให้หอมเหมือนเนยแท้ต่อไป

เนยเทียมราคาถูกกว่าเนยแท้ ทั้งยังเก็บรักษาในอุณหภูมิห้องได้โดยไม่ละลาย (แต่ในประเทศไทยซึ่งมีอากาศร้อนอาจจะยังต้องแช่ไว้ในตู้เย็น) จึงได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการหลายราย

อย่างไรก็ตาม ความหอมและรสชาติของเนยเทียมจะไม่เหมือนเนยแท้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัตถุดิบที่นำมาทำเป็นเนยเทียมด้วย

อาหารที่มักนิยมใช้เนยเทียมเป็นส่วนประกอบได้แก่ ขนมปัง เค้ก คุกกี้ เอแคลร์

3. เนยขาว (Shortening)

เป็นผลิตภัณฑ์เนยที่ทำมาจากการแยกน้ำมันจากสัตว์ (Oleostearin) หรือน้ำมันจากพืช (Stearin) แทนการใช้ไขมันจากนม แล้วนำไปผ่านกระบวนการไฮโดรจีเนชันจนมีกรดไขมันอิ่มตัวมากพอจนกลายเป็นเนยขาว

เนยขาวเป็นเนยไม่มีกลิ่น ไม่มีสี เป็นไขมันล้วน 100% นิยมนำมาใช้ในการทำขนมเบเกอรีที่ต้องการให้มีเนื้อกรอบ หรือขนมที่ต้องใช้แม่พิมพ์สำหรับอบ เพราะเนยขาวจะช่วยไม่ให้ขนมติดก้นแม่พิมพ์เมื่อสุกแล้ว

นอกจากนี้เนยขาวยังนิยมนำมาใช้ทำเป็นครีมแต่งหน้าเค้ก หรือขนม เพราะมีคุณสมบัติฟูเป็นสีขาว ไม่มีกลิ่น หรือรสที่อาจไม่ถูกปากผู้รับประทาน รวมถึงนำมาใช้เป็นน้ำมันทอด เพราะเมื่อทอดแล้ว ขนมจะไม่มีกลิ่นน้ำมันติดมาด้วย

นอกจากเนยทั้ง 3 ประเภทนี้ ยังมีเนยชนิดอื่นๆ ที่นิยมนำมาใช้ประกอบอาหาร เช่น เนยใส (Clarified butter) หรือกี (Ghee) เนยที่มีแต่ไขมันเนย 99% ไม่มีน้ำผสมอยู่ (Butter concentrate)

ประโยชน์ของเนย

เนยมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายหลายด้าน เช่น

  • เป็นแหล่งรวมของกรดไขมัน CLA (Conjugated Linoleic Acid) เป็นไขมันที่พบได้ในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมอื่นๆ ซึ่งมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อมะเร็งได้เป็นอย่างดี
  • มีสารอาหารบิวทีเรท (Butyrate) เป็นกรดไขมันสายสั้น (Short chain fatty acid) ที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้และมีประโยชน์ในการบำรุงระบบทางเดินอาหาร ลดโอกาสการเกิดลำไส้อักเสบ อาการปวดท้อง และท้องร่วง
  • บำรุงระบบหลอดเลือดหัวใจ เพราะในเนยมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่จะช่วยกำจัดกรดไขมันโอเมกา 6 ซึ่งเป็นไขมันไม่ดีในร่างกายหากบริโภคมากเกินไปและมีส่วนทำให้หลอดเลือดอุดตันได้
  • บำรุงและรักษาโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ เพราะวิตามินในเนยที่มีปริมาณมากที่สุดคือ วิตามินเอ และวิตามินนี้มีความจำเป็นในการรักษาผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับไทรอยด์
  • บำรุงระบบสืบพันธุ์ ทั้งวิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอีในเนย ล้วนเป็นวิตามินสำคัญในการบำรุงระบบประสาทและการทำงานของสมอง นอกจากนี้ไขมันละลายได้ในเนยยังมีส่วนสำคัญในการบำรุงสมรรถภาพทางเพศทั้งในผู้หญิงและผู้ชายด้วย
  • บำรุงสายตา ในเนยมีสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารสำคัญในการบำรุงสุขภาพดวงตา ลดโอกาสเกิดโรคต้อหินในกระจกตา รวมถึงลดการเสื่อมสภาพของระบบกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อตาและระบบกล้ามเนื้อหัวใจในภายหลัง
  • บำรุงระบบกระดูก ในเนยมีแร่ธาตุหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อการบำรุงซ่อมแซมกระดูก ทั้งยังช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดให้เพียงพอและเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง เช่น แมงกานีส สังกะสี ทองแดง เซเลเนียม

นอกจากเหนือจากประโยชน์ที่กล่าวไปข้างต้น เนยยังมีประโยชน์อื่นๆ ต่อสุขภาพ เช่น

  • บำรุงระบบสืบพันธุ์ในเพศหญิง
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ และชะลอการอักเสบภายในร่างกาย
  • เป็นไขมันจำเป็นสำหรับพัฒนาสมองเด็ก
  • ป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ

ข้อควรระวังในการรับประทานเนย

แม้เนยจะมีคุณประโยชน์มากมาย แต่ไม่ได้หมายความว่า จะสามารถรับประทานเนยมากเท่าไรก็ได้ เนื่องจากบางครั้งการรับประทานเนยก็ก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน ดังนี้

1. อาการแพ้นม

เพราะเนยเป็นผลิตภัณฑ์ทำมาจากนม หากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อาหารเกี่ยวกับนมก็เสี่ยงที่จะแพ้เนยได้ด้วย ดังนั้นถ้ามีโรคดังกล่าวจึงควรหลีกเลี่ยงรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของเนยจะปลอดภัยที่สุด

อาการแพ้อาหารสามารถรุนแรงได้ถึงขั้นอาการภูมิแพ้เฉียบพลันรุนแรง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต

อาการที่เกิดหลัง หรือขณะรับประทานอาหาร ซึ่งบ่งชี้ว่า อาจมีภาวะแพ้อาหาร ได้แก่

  • เวียนศีรษะ
  • รู้สึกคันลิ้นและปาก
  • ลิ้นบวม หรือบวมทั้งใบหน้า
  • กลืนน้ำลายลำบาก
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • หายใจไม่สะดวก
  • มีผื่นลมพิษขึ้นตามตัวและรู้สึกคันระคายเคือง

2. อาการแพ้น้ำตาลแลคโตส

เช่นเดียวกับอาการแพ้นม ผู้ที่มีอาการแพ้น้ำตาลแลคโตสก็ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเนยเช่นกัน

หรือหากต้องการรับประทานเนยจริงๆ การรับประทานเนยใส หรือเนยหมัก (Cultured butter) ซึ่งมีปริมาณน้ำตาลแลคโตสน้อยมาก อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

3. เกิดภาวะคอเลสเตอรอลสูง

อย่างที่รู้กันดีว่า เนยเป็นอาหารที่มีไขมันสูง หากรับประทานมากเกินไปก็จะทำให้คอเลสเตอรอลในร่างกายมีมากเกินจำเป็นจนเกิดภาวะหลอดเลือดแข็ง (Atherosclerosis) ซึ่งเกิดจากไขมันไปเกาะที่ผนังหลอดเลือดจนหนาตัวขึ้นเรื่อยๆ

ในที่สุดหลอดเลือดก็จะอุดตันทำให้เลือดไม่สามารถไหลไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ และยังทำให้เกิดอาการค้างเคียงร้ายแรงตามมา เช่น

  • เจ็บหน้าอก (Chest pain)
  • หัวใจวาย (Heart attack)
  • เป็นโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
  • หลอดเลือดแดงแข็งตัว (Hardened arteries)
  • หลอดเลือดส่วนปลายอุดตัน (Peripheral arterial disease)
  • เป็นโรคไต (Kidney disease)

นอกจากนี้เนยยังเป็นอาหารที่ให้แคลอรีสูง หากรับประทานเนยแล้วไม่ได้ออกกำลังกาย ก็จะส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้และอาจเกิดภาวะอ้วนตามมา

ควรรับประทานเนยประเภทใดจึงจะดีต่อสุขภาพที่สุด?

เนยที่เหมาะสำหรับรับประทานและดีต่อสุขภาพที่สุด คือ เนยแท้

เพราะเนยแท้ ถือเป็นเนยที่ผ่านสารปรุงแต่ง สารเคมี สารเลียนกลิ่นธรรมชาติ รวมถึงกระบวนการถนอมอาหารน้อยที่สุด จึงยังคงมีคุณค่าทางสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายคุณมากที่สุดเมื่อเทียบกับเนยประเภทอื่น

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะรับประทานเนยชนิดใดก็ล้วนเป็นการบริโภคไขมันเข้าสู่ร่างกายเหมือนกันทั้งนั้น

ดังนั้นการรับประทานเนยเพื่อสุขภาพที่แท้จริงจึงไม่ได้อยู่ที่เนยประเภทใด แต่อยู่ที่ปริมาณการรับประทาน การจำกัดปริมาณไขมันที่บริโภคเข้าสู่ร่างกายในแต่ละวันมากกว่า

อย่างไรก็ตาม วิธีรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่สุดคือ การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่ใช่เน้นไปที่อาหารประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้นเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน และทำให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์


ตรวจสอบความถูกต้องโดย ภกญ. สุภาดา ฟองอาภา


ที่มาของข้อมูล

รู้จักเนยหลากชนิดพร้อมประโยชน์ต่อสุขภาพ

Creme Fraiche แครมแฟรช ซาวครีมแบบฝรั่งเศส

เคยเห็นในหลายกระทู้ที่คุณแม่บ้านชอบถามว่า Creme Fraiche คืออะไร Creme Fraicheหาซื้อได้จากที่ไหน ทำไมหาซื้อยากจัง จริงๆ Creme Fraiche เป็นครีมฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นครีมที่ข้นสีขาวขุ่น มีรสเปรี้ยว รสชาติจะคล้ายๆ ซาวครีม แต่เนื้อจะเนียนละเอียดกว่า และจะไม่ข้นเท่าซาวครีม สำหรับบ้านเราแล้วถ้าไม่ใช่ซุปเปอร์ใหญ่ๆ ก็ค่อนข้างจะหายาก วันนี้เราเลยมีวิธีทำ Creme Fraiche ด้วยตัวเองมาฝาก ทำกันง่ายๆ และ Creme Fraiche สามารถนำมาใช้ทำได้ทั้งอาหารหวานและอาหารคาว

สิ่งที่ต้องเตรียม
วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย (240 ml)
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำCreme Fraiche
– ผสมวิปปิ้งครีมและโยเกิร์ตลงไปกล่องหรือว่าขวดแก้วปากกว้างที่มีฝาปิด คนให้ส่วนผสมเข้ากัน ปิดฝา
– วางทิ้งไว้บนเคาน์เตอร์ห้องครัวที่อุณหภูมิห้องไม่เกิน 25 องศา ห้ามขยับขวด
– ตั้งทิ้งไว้ประมาณ 8-24 ชั่วโมง จนครีมเปรี้ยวได้ที่แล้วจึงนำไปเข้าตู้เย็นทิ้งไว้ 1 วัน จึงจะสามารถนำครีมมาใช้งานได้ ส่วนที่เหลือนั้นนำเข้าตู้เย็นสามารถเก็บไว้ใช้ได้ประมาณ 7-10 วัน

 

 

แหล่งที่มา: http://maewfood.blogspot.com/2011/05/creme-fraiche.html
รูปภาพ : www.pinterest.com

ความหมายของ ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea)

ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea) เป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความนุ่มนวลน่าสัมผัส อีกทั้งยังมีความหมายแฝงแทนคำขอบคุณ เช่น ขอบคุณที่เข้าใจกันหรือขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกัน

สตรอเบอร์รี่แช่แข็งมีประโยชน์หรือไม่

สตรอเบอร์รี่แช่แข็ง: ปริมาณแคลอรี่ต่อ 100 กรัม

 

คนส่วนใหญ่ชอบสตรอเบอร์รี่ มีกลิ่นหอมและกลิ่นหอมน่ารับประทานรวมถึงสารที่มีคุณค่ามากมาย Berry เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ เนื้อหาแคลอรี่ของสตรอเบอร์รี่แช่แข็งช่วยให้คุณใช้งานได้บ่อยมาก บนพื้นฐานของผลเบอร์รี่มีอาหาร

เหตุใดผลเบอร์รี่ที่แช่แข็งมีความต้องการ?

ผลเบอร์รี่สดมีประโยชน์ แต่หลังจากแช่แข็งหลายสารยังคงอยู่ ความเกี่ยวข้องของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีอะไรบ้าง? มีสาเหตุหลายประการดังนี้

  • วิตามินซี;
  • เนื้อหาของส่วนประกอบที่มีประโยชน์ที่จำเป็นในการรักษาร่างกาย
  • ความหวานที่ยกอารมณ์ให้กับบุคคลใด;
  • ลดระดับน้ำตาลขจัดสารพิษออกจากร่างกาย

ถ้าไม่มีอาการแพ้ก็สามารถเพิ่มผลิตภัณฑ์ได้อาหารที่แตกต่างกัน จะสามารถใช้ได้ในทุกฤดู ในผลไม้แช่แข็งแคดเมียมน้อยตะกั่วและสารกำจัดศัตรูพืช หลังจากแช่แข็งการพัฒนาของแบคทีเรียจะถูกแยกออก แม้ว่าส่วนประกอบที่มีค่าจะน้อยกว่าเมื่อแช่แข็ง แต่รสชาติและกลิ่นหอมจะได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์

สตรอเบอร์รี่แช่แข็งทำหน้าที่เป็นสารปรุงแต่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับไอศกรีมชีสกระท่อมธัญพืชเครื่องดื่มค็อกเทลเครื่องปรุงต่างๆ มันใช้สำหรับการทำ mousses, ซอสเจลลี่ซึ่งทำหน้าที่เป็นตกแต่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับตารางใด ๆ

โครงสร้าง

สตรอเบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินและธาตุ แนะนำให้ใช้ในรูปแบบสดตั้งแต่นั้นจะมีการจัดเก็บวิตามินมากขึ้น ปริมาณแคลอรี่ของสตรอเบอร์รี่แช่แข็งต่ำกว่าของสด Berry อุดมไปด้วยวิตามินซีและมีปริมาณของกรดแอสคอร์บิกมากขึ้นกว่าลูกเกดดำ

สตรอเบอร์รี่นั้นรวมไปถึงโพแทสเซียมแมกนีเซียมแคลเซียมนั่นเองจำเป็นสำหรับการหายใจของเซลล์ที่ดีกว่าปกติของระบบประสาท สตรอเบอร์รี่แช่แข็งแคลอรี่ต่ำช่วยให้คุณใช้ในปริมาณที่แตกต่างกัน Berry ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจำเป็นสำหรับการแยกอนุมูลอิสระ

ประโยชน์

Berry ถือเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ขอบคุณที่ใช้มันทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรงขึ้นกิจกรรมของกล้ามเนื้อหัวใจจะดีขึ้น มันมีผลในเชิงบวกต่อหน่วยความจำ สตรอเบอร์รี่แช่แข็งแคลอรี่ต่ำอนุญาตให้คุณใช้ได้ทุกโอกาส มันทำหน้าที่เป็นมาตรการป้องกันโรคหวัดคืนภูมิต้านทาน

แบล็กเบอร์รีสามารถบริโภคน้ำตาลได้โรคเบาหวานตามปกติน้ำตาลในเลือด ผลไม้อุดมไปด้วยไอโอดีนซึ่งจำเป็นสำหรับกิจกรรมปกติของต่อมไทรอยด์ การบริโภคผลไม้เป็นประจำจะช่วยให้คุณขจัดก้อนหินและทรายออกจากถุงน้ำดี ผลิตภัณฑ์ความต้องการในเครื่องสำอางค์

ผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันคือสตรอเบอร์รี่ซึ่งมีเหล็กแมงกานีสทองแดงสังกะสี มันอุดมไปด้วยโพแทสเซียมส่วนประกอบเพคตินกรดอินทรีย์ สตรอเบอร์รี่มีวิตามินบี 1, บี 2, พีพี, อีมันเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการรักษาหลอดเลือดความดันโลหิตสูงโรคนอนไม่หลับ แคลอรี่สตรอเบอร์รี่ – ประมาณ 34 กิโลแคลอรี่

ค่า caloric

ผลไม้ใช้สำหรับอาหารและวันถือศีลอด สตรอเบอร์รี่แช่แข็งมีกี่แคลอรี่? มันประมาณ 25-28 กิโลแคลอรี ตัวบ่งชี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของพืชชนิดของการใช้งาน สตรอเบอร์รี่แช่แข็งแคลอรี่ต่อ 100 กรัมมีน้อยกว่าสด

แคลอรี่สตรอเบอร์รี่แช่แข็งด้วยน้ำตาลคือ 95 กิโลแคลอรี เมื่อสดมันมี 32-35 kcal, แยม – 286, ผลไม้แห้ง – 286, กับครีม – 360 บ่อยครั้งที่ kefir จะถูกเพิ่มเข้าไปในผลไม้ ด้วยสตรอเบอร์รี่แช่แข็งจะอยู่ที่ประมาณ 70 kcal แม้ว่าตัวบ่งชี้จะน้อยกว่าในผลไม้แช่แข็ง แต่ก็ยังดีกว่าที่จะเลือกรุ่นใหม่เนื่องจากมีวิตามินและสารที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ

ตัวเลือกการใช้งาน

ค่าพลังงานต่ำมีสตรอเบอร์รี่แช่แข็ง แคลอรี่ต่อ 100 กรัมช่วยให้คุณใช้ในปริมาณมาก แต่แน่นอนคุณต้องปฏิบัติตามมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดอาการแพ้ เนื่องจากหลังจากแช่แข็งแล้วผลไม้จะมีรสเปรี้ยวดังนั้นจึงบริโภคกับน้ำตาลซึ่งจะเพิ่มปริมาณแคลอรี่

แยมสตรอเบอร์รี่ควรบริโภคในขนาดเล็กจำนวนของผู้ที่ติดตามตัวเลข จากผลไม้เตรียมเครื่องดื่มผลไม้น้ำผลไม้และผลไม้แช่อิ่ม พวกเขาจะเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูหนาว ท็อปปิ้งที่ยอดเยี่ยมสำหรับพายและของหวาน

ความเสียหาย

สตรอเบอร์รี่เป็นอันตรายหรือไม่? ปัญหานี้มีการกล่าวถึงอย่างแข็งขันในฟอรัม เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติผลไม้มีข้อเสีย อันตรายเป็นไปได้เนื่องจากการแพ้ของแต่ละบุคคล อาจมีความรู้สึกไม่สบายไหม้

สตรอเบอร์รี่ไม่ควรบริโภคในปริมาณมากปริมาณในการปรากฏตัวของโรคกระเพาะอาหาร มันไม่พึงปรารถนาที่จะกินมันในขณะที่ใช้ยาแรงดันสูง ในการปลูกผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพคุณต้องปลูกมันให้ห่างจากถนน เบอร์รี่ดูดซับสารและโลหะ

การคัดเลือกและการเก็บรักษา

หากไม่มีสวนคุณควรรู้วิธีเลือกสตรอเบอร์รี่ที่เหมาะสม มันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงกลิ่นหอมลักษณะรสชาติ ไม่ควรผุผลเบอร์รี่ ขอแนะนำให้เลือกพวกมันด้วยหางและใบไม้สีเขียวเนื่องจากมันบ่งบอกถึงความสดชื่น

ในตู้เย็นเก็บผลเบอร์รี่ไม่เกิน 2 วัน หากพวกมันมีก้อยอายุการเก็บรักษาจะยืดออกไปเล็กน้อย สตรอเบอร์รี่แช่แข็งเก็บไว้เป็นเวลาหลายเดือน

วิธีการแช่แข็ง

ผลเบอร์รี่สามารถแช่แข็งได้แม้ว่าวิตามินบางตัวจะเข้ามาพวกเขาหายไป แต่ในเวลาใด ๆ จะมีขนมทำ วิตามิน B และ C จะถูกเก็บไว้ในสตรอเบอร์รี่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะดีกว่าแยม ผลเบอร์รี่แช่แข็งจะถูกเพิ่มลงในโจ๊กขนมอบ ผลไม้แช่อิ่มและของหวานทำจากพวกเขา

ก่อนที่จะจัดเรียงและล้างสตรอเบอร์รี่แช่แข็ง หางสามารถลบออกได้หรือทิ้งไว้ มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะแห้งบนผ้ากระดาษ จากนั้นพวกเขาควรจะกระจายออกไปในจานหรือเขียงปกคลุมด้วยฟิล์มยึดเพื่อป้องกันไม่ให้ผลไม้ติด จากนั้นพวกเขาสามารถส่งไปยังช่องแช่แข็ง

หลังจากแช่แข็งเพียงเล็กน้อยพวกเขาก็จะเปลี่ยนเป็นแพคเกจ แต่คุณสามารถใช้ถาดสำหรับสิ่งนี้ สตรอเบอร์รี่ขูดแช่แข็งพร้อมน้ำตาล สำหรับสิ่งนี้คุณต้องใช้สตรอเบอร์รี่และน้ำตาลในปริมาณ 1: 1 ผลไม้ถูกล้างแห้งผสมกับน้ำตาลบดโดยเครื่องปั่น ส่วนผสมสามารถวางในขวดหรือถาด

อาหาร

เพื่อลดน้ำหนักของผลไม้ที่ใช้เป็นเวลานาน มีอาหารหลายอย่างตามพวกเขา ตัวอย่างเช่นพวกเขาจะบริโภคกับชีสกระท่อมและโยเกิร์ตในช่วงสัปดาห์ ทุกวันคุณต้องกินอาหารเหล่านี้ ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมเพราะมันจะกำจัดน้ำหนักส่วนเกิน

อาหาร 4 วันอย่างมีประสิทธิภาพ ในวันแรกคุณต้องกินผลเบอร์รี่ 1.5 กก. และดื่มน้ำ 2.5 ลิตร ในวันที่สองมีสิ่งเดียวกันเกิดขึ้น ในวันที่สามเพิ่ม 1 ลิตรของ kefir และปริมาณของผลเบอร์รี่จะลดลงถึง 700 กรัมวันที่สี่จะประกอบด้วยผลเบอร์รี่ 1 กิโลกรัม, 150 กรัมของชีสกระท่อมและ kefir 2 ถ้วย

ด้วยความช่วยเหลือของอาหารล้างร่างกายกระบวนการเผาผลาญจะได้รับการฟื้นฟูลักษณะที่ปรากฏและสุขภาพดีขึ้น แต่เพื่อลดน้ำหนักคุณไม่สามารถนั่งทานอาหารได้ มันเพียงพอที่จะใช้ผลไม้เล็ก ๆ เป็นของหวานขนมขบเคี้ยวหรือแทนที่อาหารค่ำด้วย ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดเจน และผลิตภัณฑ์สดที่มีประโยชน์มากที่สุด สามารถซื้อผลไม้แช่แข็งได้ที่ร้านหรือเตรียมตัวเอง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา https://th.ellas-cookies.com

เค้ก 1 ปอนด์ หรือ 2 ปอนด์ มีขนาดต่างกันเท่าไหร่

รู้กันหรือเปล่าว่าเค้ก 1 ปอนด์ หรือ 2 ปอนด์ มีขนาดต่างกันเท่าไหร่ และมีวิธีวัดอย่างไร?🎂🍰

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเค้กปอนด์กันก่อน
เค้กปอนด์คือเค้กที่มีส่วนผสมของแป้ง เนย และน้ำตาลในปริมาณเท่ากันคือ 1:1:1 โดยสมัยก่อนจะใช้ปริมาณอย่างละ 1 ปอนด์เท่ากัน จึงเป็นที่มาของคำว่าเค้กปอนด์ แต่ในปัจจุบันมีการปรับลดปริมาณสัดส่วนให้น้อยลง

ในไทยนิยมการวัดขนาดของเค้กเป็นหน่วยปอนด์ ซึ่งใช้การวัดจากเส้นผ่านศูนย์กลางของพิมพ์อบขนมเค้กเป็นหน่วยนิ้ว ดูขนาดของเค้กแต่ละปอนด์ได้ตามรูปด้านล่างเลย 👇

แต่หากต้องการวัดเป็น เซ็นติเมตรตามนี้ค่ะ

  • ขนาด—>เส้นผ่านศูนย์กลาง x สูง
  • 0.5 ปอนด์ —>12 ซม. x 5 ซม.
  • 1 ปอนด์—>16 ซม. x 6 ซม.
  • 2 ปอนด์—>19 ซม. x 7 ซม.
  • 3 ปอนด์—>21 ซม. x 7 ซม.

Cr. Lecordonbleu Dusit Culinary School